เทศน์เช้า

ตนดี

๖ เม.ย. ๒๕๔๔

 

ตนดี
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

เทศน์เช้า วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๔๔
ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เรื่องของนามธรรม เรื่องของความดี ความดีเป็นความดี ถ้าความดีอันนั้นมันเป็นถึงที่สุด ในศาสนาทุกๆ ศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีหมด แต่ความเป็นคนดีมันส่วนเป็นคนดีสิ คนดี เห็นไหม เหมือนกับคนเริ่มต้นจุดสตาร์ท จุดสตาร์ทของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ถ้าจุดสตาร์ทของคน เหมือนเด็กๆ วิ่งไปเก็บเล่น วิ่งหินกอง เห็นไหม ไปเก็บหินมากอง วิ่งไปแล้วก็เก็บมากองไว้ที่จุด จุดสตาร์ทหมายถึงหัวใจที่ว่าเป็นคนดีๆ ไง เป็นคนดีขนาดไหนมันก็ไปเก็บไอ้ก้อนหินนั้นมากองไว้ที่กองใช่ไหม? เพื่อจะเป็นผู้ที่ชนะใช่ไหม? เป็นคนดี เห็นไหม จุดสตาร์ทวิ่งไปเก็บหินมากอง หินกับวิ่งกองกันๆ เป็นอย่างนั้น

จุดเริ่มต้นจากหัวใจตรงนั้นเป็นคนดี แล้วเอามากองขนาดไหนมันก็กองไว้เฉยๆ ยิ่งกองมากขนาดไหน คนดีหรือคนไม่ดีมันก็ไปรับภาระไอ้ตรงหัวใจนั่น ตรงหัวใจนั้นเก็บภาระไว้เพราะว่าอะไร? เพราะว่าไม่ได้ทำลายกิเลสแม้แต่นิดเดียวเลย

นี้คนดี คำว่า “คนดี” มันดีทางโลกเขา แต่ในดีเรื่องศาสนา คนดีอย่างไรก็เห็นแก่ตัว คนต้องเห็นแก่ตัว โดยสัญชาตญาณของมนุษย์ต้องเห็นแก่ตัวหมด นี้ที่ว่าเป็นคนดีแล้วจะทำเรื่องเอาศาสนาไปฝากกับคนดี...

ฝากไม่ได้หรอก ศาสนานี้ฝากไว้กับผู้บริสุทธิ์ต่างหากล่ะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ที่ตรัสรู้ถึงเป็นศาสดาสอน สอนที่ว่าไม่มีกิเลสในหัวใจเลย ถึงบอกว่าให้ไม่มีการเบียดเบียนกัน เป็นผู้ที่ไม่ให้เชื่อ ไม่ให้เชื่อแม้แต่ศาสดาพูด ไม่ให้เชื่อใครพูด ไม่ให้เชื่อทั้งหมด “กาลามสูตร” อย่าเชื่อนะอย่าเชื่อ ไม่ให้เชื่อ ให้พิสูจน์ ให้รู้ด้วยตนเอง พิสูจน์ก่อน พิสูจน์ให้ตัวเองรู้ขึ้นมา แล้วเป็นปัจจัตตังรู้จำเพาะตัวนั้น

พระสารีบุตรยังไม่เชื่อพระพุทธเจ้าเลย ไม่เชื่อเพราะอะไร? เพราะตัวเองรู้เองเห็นเอง เห็นตามความเป็นจริงอันนั้น ความเป็นจริงอันนั้นมันจะเข้ากัน เข้ากับหลักความเป็นจริง มันจะปล่อยวางได้ทั้งหมด

นี่คนดี ศาสนาพุทธสอนถึงตรงนี้ไง สอนถึงว่าไอ้หินเอามากองไว้นะ กองไว้นั้นมันถึงจุดสตาร์ท แต่ทำลายหัวใจทั้งหมด ทำลายหินกองนั้นทั้งหมดด้วยมัคคอริยสัจจังเขาไม่มี ถึงว่าฝากกับใครก็ไม่ได้ ศาสนาฝากใครไม่ได้ แต่ในเมื่อชาวพุทธเราจะเริ่มต้นตรงนี้ ก็เริ่มต้นตรงนี้เพื่อมีหลักประกันรองรับเอาไว้ รองรับเอาไว้เพื่อให้มีหลักประกันใช่ไหม? แต่ถ้าทำลายกัน อ้างแต่ว่าความดีๆ ศาสนาสอนแต่ความดี...

เชื่อถือไม่ได้...ไม่มีหลักประกันเชื่อถือไม่ได้ ไม่มีหลักประกันใดๆ ทั้งสิ้น ต้องมีหลักประกันขึ้นมา หลักประกันนั้นเพราะว่าคนเราเกิดมาแล้วต้องตายทั้งหมด ในหัวใจของเราเกิดมา เห็นไหม รุ่นของเราทำได้ เพราะอะไร? เพราะว่าศาสนามันกำลังเจริญอยู่ ในกึ่งพุทธกาลศาสนาเจริญอยู่ เราก็มีความสุขความสบาย แล้วห่วงลูกห่วงหลานไหม?

ถ้าห่วงลูกห่วงหลาน ห่วงต่อไปข้างหน้า ต่อไปข้างหน้าเขาจะอยู่กันอย่างไร? เขาจะทำอย่างไร? เพราะว่ามันเบียดเบียนมาแล้วก็ไม่มีหลักประกันว่า คนที่ว่าเป็นหลักประกัน คนที่รู้จริงเห็นจริงตรงนี้มันไม่เห็น เพราะพูดถึงคำว่า ความดีนะ เขาดีแล้วทำไมไปว่าเขา? เขาเป็นคนดีแล้ว เขาเป็นคนที่ว่ามาช่วยเหลือสังคม ไปว่าเขาได้อย่างไร?

ช่วยเหลือสังคม สังคมมันเรื่องของเปลือก ศาสนามันไม่เรื่องของสังคมนะ ศาสนานี่มันเรื่องของสัตว์ สัตว์นี่เป็นสัตว์สังคม แต่ศาสนาสอนเรื่องหัวใจ ให้มันมีความละเอียดอ่อนเข้ามาไง ให้มีความเมตตากัน ความเจือจุนกัน เห็นไหม มันละเอียดอ่อนมันเรื่องของใจไง เรื่องของสังคม เรื่องของความเจริญ จัดระเบียบสังคม เห็นไหม มันก็เหลือจัดระเบียบความคิด เริ่มต้นจัดระเบียบความคิด สุตมยปัญญา เรียนมานี่จัดระบบความคิด จัดระบบความคิดแล้วความคิดนั้นเห็นถูกต้องหรือเห็นไม่ถูกต้อง?

ถ้าเห็นไม่ถูกต้อง มันดีหยาบๆ ดีศีลธรรมจริยธรรม แต่ถ้าความดีความจริง มันชำระกิเลส มันขัดเราไปหมดนะ กิเลสหินกองนั้นมันจะขัดหัวใจไปตลอด มันจะขัดเกลาไป มันจะขัดในหัวใจแล้วมันมีความทุกข์มาในหัวใจ

ถ้าความทุกข์ในหัวใจนะ มันเบียดเบียนตนเองก่อน เบียดเบียนตนเอง เห็นไหม ถ้าพูดถึงเป็นหลักของคน คนทุกคนต้องดีหมด ถ้าดีๆ คนนั้นดี แล้วใครเป็นหัวหน้าคนดีล่ะ? เห็นไหม กิเลสมันเอาตรงนั้นเอาตรงนี้ มันจะนั่งบนหัวคน มันจะเอาตรงเบียดเบียนคนอื่น มันจะเอาชนะคนอื่น

กิเลสมันเป็นอย่างนั้น มันเบียดเบียนตนโดยไม่รู้สึกตัว ก็เอาความดีมาเป็นการแอบอ้างไง ความดีอันนั้นเป็นความดี ความดีมันบริสุทธิ์จริงหรือไม่บริสุทธิ์จริง ถ้าบริสุทธิ์จริง ความดีอันนั้นให้ผลในบุญกุศล ถ้าความดีที่ทางโลกเขานะ ความดีที่เขาพลิกแพลงกัน อันนั้นเป็นความดีเหรอ? ความดีเพื่อเขาไง เพื่อเขาจะได้เป็นหัวหน้าคน เพื่อเขาจะได้ยอมรับกับสังคม

เรื่องของสังคมเป็นเรื่องของการยอมรับ แต่เรื่องศาสนาเป็นเรื่องการยอมรับตัวเองไง อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ตนมีความสุขในตนแล้วอยู่ในป่าในเขา พระพุทธเจ้าตรัสรู้ในป่านะ อยู่ในป่าตลอด ครูบาอาจารย์เรานี่อยู่ในป่าในเขา อยู่กับสิ่งที่เป็นธรรมชาติ ทำไมคนเขาด้นดั้นเข้าไปแสวงหาล่ะ? ทำไมเขาด้นดั้นเข้าไปแสวงหาความนั้น เพราะอะไร?

เพราะหัวใจอันนั้นมันพึ่งตนเองได้ เห็นไหม พอหัวใจพึ่งตนเองได้ อยู่ด้วยเป็น เอโก ธัมโม เป็นเอก เป็นหนึ่งเดียว สัตว์สังคมนี่พูดว่าเป็นความดีๆ แต่อยู่ด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องอยู่ด้วยการพึ่งพาอาศัยกัน อยู่ด้วยคนเดียวมันก็เป็นเหงา มันก็ว้าเหว่ มันก็ทุกข์ มันก็เป็นความกลัวไปในหัวใจ ต้องอาศัยกัน อาศัยกันก็เบียดเบียนกัน แล้วก็เอาหลักศาสนามาอ้างเพื่อเบียดเบียนกัน

แต่ของเราพูดถึง เอโก ธัมโม จิตนี้เป็นหนึ่ง อยู่ในป่าในเขา อยู่คนเดียวก็อยู่ได้ แต่อยู่คนเดียวก็อยู่ได้มันเสวยความสุขไง เป็นที่พึ่งของตนแล้วถึงเผยแผ่ศาสนาออกมาให้คนเข้าถึงหลักของศาสนานั้น เข้าถึงหลักนามธรรมอันนั้นไง

นี่ที่ว่าจุดสตาร์ทของคนมันไม่เหมือนกัน จุดสตาร์ทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรงจุดสตาร์ทนี้มันสะอาดบริสุทธิ์ทั้งหมด ภวาสวะ ภพ ไม่มีกองหินนั้น กองหินที่กดถ่วงหัวใจอยู่ไม่มี กองหินที่เรามาเทียบเคียงกันว่าฉันมีมากกว่า ฉันมีน้อยกว่า ฉันจะเป็นฝ่ายชนะ ฉันจะเป็นฝ่ายแพ้...ไม่มี มันเอาชนะเอาแพ้กันเพราะเปรียบเทียบถึงว่ากองหินใครจะกองมากกว่ากัน ก็ความดีความชอบในหัวใจใครจะได้มากกว่ากันไง

ความดีความชอบในหัวใจ คุณงามความดี เอาคุณงามความดีมาเปรียบเทียบกัน แต่หลักความจริงแล้วบุญกุศลมันเข้าถึงหัวใจ บุญกุศลนั้นมันเป็นสิ่งที่ว่าเป็นอำนาจวาสนาบารมีให้กับใจดวงนั้น ให้ไปถึงความสุขได้ พอไปถึงความสุขได้ ทุกดวงใจทุกหน่วยของสังคมเป็นคนดีหมด ทุกหน่วยของสังคมไม่เบียดเบียนกัน

เวลาเรื่องสังคม คนนั้นไม่ดีต้องดัดแปลงตรงนั้น ต้องสอนให้เด็กก่อนนะ ทุกคนต้องยัดเยียดให้เด็กก่อน เด็กต้องเป็นคนดีขึ้นมาก่อน แล้วผู้ใหญ่ชั่งหัวมัน แต่ของศาสนาไม่ใช่ ผู้ใหญ่ต้องเป็นตัวอย่างของเด็ก ถ้าผู้ใหญ่เป็นตัวอย่างของเด็ก เด็กจะมีครูมีแบบอย่าง ถ้าผู้ใหญ่ไม่เป็นตัวอย่างของเด็ก เห็นไหม อย่าสูบบุหรี่นะ อย่าทำตามฉันนะ แล้วตัวเองก็คาบบุหรี่อยู่กับมือ แล้วสอนเด็กไม่ให้ทำ แต่ตัวเองทำอยู่อย่างนั้น แล้วมันจะเป็นสอนเขาได้อย่างไร?

นี่มันเป็นสังคม มันสอนกันอย่างนั้น มันเบียดเบียนกันอย่างนั้น มันให้คนอื่นดี ไม่ให้ตัวมันเองดี แต่ของหลักศาสนาพุทธนี่ อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตน! ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ตนนั้นเป็นคนดีก่อน แล้วตนนั้นคนดีนั้นอยู่นะ สังคมเขาหันมามอง ทำไมคนๆ นั้นเป็นคนดี? ทำไมคนนั้นเขาอยู่ของเขาได้? ทำไมคนนั้นมีความสุขในหัวใจ?

เขาเริ่มสนใจ เขาเริ่มจะแสวงหามาเอง เขาถึงเข้าไปหาครูบาอาจารย์ เขาแสวงหาตรงนั้นไง ทำไมครูบาอาจารย์ท่านอยู่ได้? ทำไมท่านมีความสุขของท่านในหัวใจนั้น? หัวใจนั้นทำอย่างไรถึงจะเป็นความสุขจนได้?

เราแสวงหาอยู่ แสวงหาเรื่องของโลกไง แสวงหาเรื่องก้อนหินไง ก้อนหินนั้นเอามาทับหัวใจ กดถ่วงหัวใจไว้ให้มันหนักหน่วงในหัวใจนั้น จุดสตาร์ทออกไปก็ไม่รู้ แล้วไปเก็บก้อนหินมานึกว่าเป็นสมบัติ ก็มากองไว้ที่ทับหัวใจก็ไม่รู้ แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า

“สิ่งที่ว่าเป็นตัวตน ทำความสงบของเราเข้ามาที่ใจก่อน ถ้าใจนั้นสงบมันจะเห็นกองหินนั้น กองหินนั้นกับหลักนั้นไม่ใช่อันเดียวกัน”

อันนี้ก็เหมือนกัน กิเลสกับใจนี้ไม่ใช่อันเดียวกัน ทิฏฐิมานะ ความถือตน ความอวดตน ความดีความไม่ดีในหัวใจนั้นไม่ใช่เรื่องของหัวใจ มันเป็นเรื่องเกิดดับเกิดดับกลางหัวใจ เหมือนกองหินที่เกิดดับเกิดดับกลางหัวใจ มันสามารถทำลายได้ ถ้าสามารถทำลายไอ้กองหินในหัวใจ เห็นไหม ด้วยอะไร? ด้วยภาวนามยปัญญา ด้วยมัคคอริยสัจจัง มีเฉพาะศาสนาพุทธ

ศาสนาพุทธประเสริฐประเสริฐตรงนี้ ประเสริฐมาตั้งแต่สุภัททะถามพระพุทธเจ้าแล้ว “ลัทธิศาสนาต่างๆ ทุกว่าศาสนาไหนก็เป็นศาสนาที่มีคุณงามความดีมาก ว่าศาสนาไหนก็มีพระอรหันต์”

พระพุทธเจ้าบอกว่า “ในศาสนาไหนไม่มีมรรค...” แล้วในศาสนาไหนไปค้นสิ มันไม่มีหรอก มรรคในศาสนาต่างๆ ไม่มีนะ มีแต่ในศาสนาพุทธนี้เท่านั้น อริยสัจกับมรรคนี่เป็นหัวใจของศาสนา เพราะอะไร?

เพราะอริยสัจ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เห็นไหม ทุกข์ สมุทัยนี่มันเป็นเรื่องความทุกข์ในหัวใจ มันเป็นเรื่องสัจจะความจริงในสัจจะของหัวใจของเราที่เกิดมา แล้วนิโรธกับมรรค เห็นไหม มรรคในศาสนานี่มันมีมาแก้กัน อริยสัจมันเป็นไปได้แล้วมันทำได้จริง พอมันทำได้จริง มันก็เป็นผลไง

ถ้าผู้ใดทำได้จริง หัวใจดวงนั้นก็จะเป็นผลขึ้นมา เป็นผลขึ้นมาก็เป็น อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ แล้วก็ปล่อยวางๆ นะ ปล่อยว่าง ไม่รับรู้เรื่องศาสนา ไม่รับรู้ไง แล้วไม่ปรึกษาพวกนี้ไง ถ้าปรึกษาพวกนี้ ถึงบอกว่าอะไรเป็นหลักค้ำประกัน?

ถ้าพวกนี้พวกที่ทำใจได้แล้ว เขาจะไม่ไว้ใจเรื่องอย่างนั้นเลย เรื่องความดี เล่ห์เหลี่ยมของกิเลส ความดีของเขาเหลี่ยมของกิเลสมันซ่อนอยู่ในนั้น กับความดีจริงที่ว่าไม่มีเล่ห์ไม่มีเหลี่ยมในหัวใจนี้ อันนี้ต่างหากถึงจะเป็นที่พึ่งได้จริง ถ้าที่พึ่งได้จริงออกขึ้นมาในหัวใจดวงไหน ดวงใจดวงนั้นจะเป็นหลักประกันของใจดวงนั้น

นี่มีหลักประกันอย่างนี้ต่างหาก ถึงว่าเป็นหลักประกันได้ในเรื่องของศาสนา ชี้นำในเรื่องของใจก็ได้ แล้วมองเห็นภัยไง มองเห็นภัยที่ว่ากลบเกลื่อนกัน ให้เห็นว่าเป็นความดีเสมอกัน เป็นความดีเสมอกันแล้วจะเป็นอันเดียวกัน อันเดียวกันมันอันเดียวกันได้อย่างไร?

ขี้หมูราขี้หมาแห้งกับสิ่งที่ว่าเป็นเพชรเป็นพลอยนี่ จะมาคลุกเคล้ากันเป็นไปไม่ได้เลย เป็นไปไม่ได้ที่มาคลุกๆ กันแล้วว่าให้เหมือนกัน เป็นไปไม่ได้ แต่เขาว่าเหมือนกันนะ พอเหมือนกันมันก็... (เทปสิ้นสุดเพียงเท่านี้)